วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำนวณพลังงานที่ร่างกายต้องการในช่วงควบคุมน้ำหนัก

หลักการลดหน้ำหนัก คือสร้างสมดุลให้แก่ร่างกาย



ในช่วงที่ต้องการควบคุมน้ำหนักให้ได้ผล  ปัจจัยสำคัญที่เราต้องรู้และนำไปปฏิบัติในช่วงขณะที่กำลังควบคุมน้ำหนัก คือ เราต้องรู้ว่า..  ในแต่ละวันเราต้องการแคลอรี่เท่าไหร่  เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานที่สมดุล  และมิให้ร่างกายได้รับแคลอรี่ที่เกินความจำเป็นจนสะสมเป็นไขมันพอกพูนตามร่างกาย

เพื่อการควบคุมน้ำหนักให้ได้ผล  มีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมปริมาณและชนิดอาหารที่รับประทานให้เหมาะสม  โดยที่เราไม่จำเป็นต้องงดหรืออดอาหารมื้อใด  หากเรารู้ว่าขณะที่เรากำลังควบคุมอาหาร  ร่างกายของเราต้องการพลังงานเท่าใดในแต่ละวัน  เลือกชนิดอาหารให้เหมาะสม  เมื่อคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่เราต้องการแต่ละวันได้แล้ว  ก็เลือทานอาหารที่มีปริมาณของแคลอรี่ให้ไม่เกินดังที่กำหนดไว้

สรุป...  หลักการลดน้ำหนัก  คือต้องสร้างสมดุลให้ร่างกาย 

ในช่วงการลดน้ำหนัก  เราต้องการปริมาณพลังงานเท่าใด
โดยปกติร่างกายต้องการพลังงานเพื่อใช้ในการประกอบกิจกรรมต่างๆ วันละ 1,500-2,000 แคลอรี่  ดังนั้นพลังงานที่เราควรได้รับต่อวันนั้น  ไม่ควรต่ำกว่าพลังงานขั้นต่ำที่ร่างกายต้องการใช้ในแต่ละวัน (BMR )  สูตรง่ายๆ ที่จะหา BMR ของแต่ละคนมีดังนี้

BMR =  น้ำหนักตัว (กก.) x 0.9 x 24

ตัวอย่าง :  นางสมบูรณ์  เจริญดี  น้ำหนัก 60 กก.  อยากลดน้ำหนัก  ร่างกายจำเป็นต้องได้รับพลังงานขั้นต่ำเท่าไร

เมื่อคำนวณแล้ว  นางสมบูรณ์ต้องการพลังงานขั้นต่ำ = 60 x 0.9 x 24 = 1,296 กิโลแคลอรี่


Calculates the energy the body needs each day. During weight control

The weight control to achieve. The key factor that we need to know and implement during weight control is that we need to know that. How many calories do we need each day? To keep the body balanced. The body does not need to accumulate excess fat as a body fat.

For weight control. There is a need to control the amount and type of food that is eaten. We do not need to abstain or fast food. If we know that while we are in control of food. How much energy do we need each day? Choose the right food type. When calculating the amount of calories we need each day. Choose foods with a calorie content of not more than the prescribed.

Conclusion ... The principle of weight loss. Is to balance the body.

During weight loss How much energy do we need?

Normally, the body needs energy to be used in activities of 1,500-2,000 calories per day, so the energy that we should receive per day. Should not be less than the minimum energy that the body needs each day (BMR). The simple formula to find the BMR of each person is as follows.

BMR = body weight (kg) x 0.9 x 24

Example: Mrs. Somboon Charoendee Weight 60 kg. What is the minimum energy required for a body?

When calculated The minimum energy requirement is 60 x 0.9 x 24 = 1,296 kcal.

Note :  This article is translated by Google. Sorry if there is an error.


ตัวอย่างที่ 2 : เมนูอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก

ตัวอย่างเมนูอาหาร 1 สัปาดาห์ที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก



วันจันทร์
อาหาร เช้า........โจ๊กหมู 1 ชาม แคลอรี่  250
อาหาร กลางวัน........เส้นเล็กแห้งหมู 1 ชาม  แคลอรี่ 550

ขนม บ่าย..........กระหรี่พัฟ  แคลอรี่ 1 ชิ้น แคลอรี่ 156
เครื่องดื่ม บ่าย............กาแฟ 1 ถ้วย  แคลอรี่ 80
อาหาร เย็น..........สุกี้น้ำ 1 ชาม แคลอรี่ 221
ผลไม้ เย็น.......มะม่วงสุก 1 ผล  แคลอรี่ 80

รวม แคลอรี่ที่กินเข้าไป  1,337

วันอังคาร
อาหาร เช้า...........โจ๊กไก่ 1 ถ้วย แคลอรี่ 220
อาหาร กลางวัน..........ข้าวอบสัปปะรดไก่ 1 จาน  แคลอรี่ 560
ขนม บ่าย..........กล้วยบวชชี 1 ถ้วย แคลอรี่ 129
ผลไม้ บ่าย............ส้มเขียวหวาน 1 ผล  แคลอรี่ 40
อาหาร เย็น........เกี๋ยวกุ้งน้ำ 1 ชาม แคลอรี่ 224

ผลไม้ บ่าย............ส้มเขียวหวาน 1 ผล  แคลอรี่ 40
รวม แคลอรี่ที่กินเข้าไป  1,213 แคลอรี่

วันพุธ
เครื่องดื่ม เช้า...........กาแฟ 1 ถ้วย แคลอรี่ 80
ขนม เช้า.........ปาท่องโก๋ 1 ตัว  แคลอรี่ 100 
อาหาร กลางวัน........ข้าวหมูแดง 1 ชาม แคลอรี่ 540
ขนม บ่าย..........ทับทิมกรอบ 1 ถ้วย แคลอรี่ 179
รวม แคลอรี่ที่กินเข้าไป  1,209 แคลอรี่



วันพฤหัสบดี

อาหาร เช้า...........กาแฟ 1 ถ้วย แคลอรี่ 80
ขนม เช้า..........ขนมปัง 2 ชิ้น(ทาเนยบางๆ ) แคลอรี่235
อาหาร กลางวัน........เส้นหมี่ลูกชิ้นเนื้อสด  แคลอรี่187
ผลไม้ กลางวัน.........สัปปะรด 1 ชิ้น แคลอรี่ 80
ขนม บ่าย............ทับทิมกรอบ 1 ถ้วย  แคลอรี่ 179
อาหาร เย็น..........ก๋วยจั๊บ 1 ชาม  แคลอรี่ 230

ผลไม้ เย็น........กล้วยน้ำว้า 1 ลูก 100 แคลอรี่

รวม แคลอรี่ที่กินเข้าไป  1,091 แคลอรี่

วันศุกร์
เครื่องดื่ม เช้า...........กาแฟ 1 ถ้วย แคลอรี่ 80
ขนม เช้า.........ปาท่องโก๋ 1 ตัว  แคลอรี่ 100 
อาหาร กลางวัน........ขนมจีนน้ำเงี้ยว 1 ชาม แคลอรี่ 240
ผลไม้ กลางวัน.........สัปปะรด 1 ชิ้น  แคลอรี่ 80
ขนม บ่าย..........กล้วยบวชชี 1 ถ้วย แคลอรี่ 129
ผลไม้ บ่าย............องุ่น 8-10 ผล  แคลอรี่ 40
อาหาร เย็น..........ราดหน้าหมู 1 จาน  แคลอรี่ 400

รวม แคลอรี่ที่กินเข้าไป  1,069 แคลอรี่



วันเสาร์
อาหาร เช้า...........โจ๊กไก่ 1 ถ้วย แคลอรี่ 220
อาหาร กลางวัน........ข้าวกล้องต้มซี่โครงหมู 1 ชาม แคลอรี่ 318
ผลไม้ กลางวัน.........ชมพู่ 6 ผล  แคลอรี่ 100
ผลไม้ บ่าย............กล้วยหอม 1 ลูก  แคลอรี่ 120
อาหาร เย็น..........กระเพาะปลา1 ชาม  แคลอรี่ 240

ผลไม้ เย็น........แอปเปิ้ล 1 ผล แคลอรี่  40

รวม แคลอรี่ที่กินเข้าไป  1,038 แคลอรี่

วันอาทิตย์
อาหาร เช้า...........กาแฟ 1 ถ้วย แคลอรี่ 80
ขนม เช้า........ข้าวต้มมัด  1 ชิ้น แคลอรี่ 197
อาหาร กลางวัน........ข้าวหมูแดง แคลอรี่ 254
ผลไม้ บ่าย............ส้มเขียวหวาน 1 ผล  แคลอรี่ 40
ผลไม้ เย็น........แอปเปิ้ล 1 ผล แคลอรี่  40
อาหาร เย็น..........ขนมจีนน้ำยา 1 ชาม  แคลอรี่ 330

ผลไม้ เย็น........มะม่วงดิบ 1 ผล 80 แคลอรี่
รวม แคลอรี่ที่กินเข้าไป  1,021 แคลอรี่

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ของว่างและเครื่องดื่มประจำวัน..แคลอรี่เท่าไหร่

เครื่องดื่ม

นมถั่วเหลือง 250 ซีซี มีแคลอรี่ 170  
น้ำอัดลม 250 ซีซี มีแคลอรี่ 145
น้ำส้มคั้น 250 ซีซี มีแคลอรี่ 140 
ชาเขียว 250 ซีซี มีแคลอรี่ 125 
นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ มีแคลอรี่ 100
เบียร์ 227 ซีซี มีแคลอรี่ 100
น้ำตาล 1 ก้อน มีแคลอรี่ 15 
กาแฟ  1 ช้อนชา  มีแคลอรี่ 4
ชา 1 ถ้วย  มีแคลอรี่ 2



ของหวาน

ฝอยทอง 1 แพ  มีแคลอรี่ 146
ทองหยิบ มีแคลอรี่ 142
วุ้นกะทิ 1 ชิ้น มีแคลอรี่ 166
ลอดช่อง 1 ถ้วย มีแคลอรี่ 166
บัวลอย 1 ถ้วย มีแคลอรี่ 211
ทับทิมกรอบ 1 ถ้วย มีแคลอรี่ 179
กล้วยไข่เชื่อม 3 ชิ้น  มีแคลอรี่ 265
กล้วยบวดชี 1 ถ้วย มีแคลอรี่ 129
ข้าวเม่าทอด 2 ชิ้น มีแคลอรี่ 418



อาหารว่าง

บิ๊กแม็ค 1 ชิ้น มีแคลอรี่ 560
ฮอดด็อก 1 ชิ้น มีแคลอรี่ 400
ช็อคโกแล็ต มิลค์เชค 1 ชิ้น  มีแคลอรี่ 383
เต้าหู้ทอด 3 ชิ้น 370
ซูชิทูน่า  5 ชิ้น มีแคลอรี่ 350
ไก่ทอด สะโพก 1 ชิ้น มีแคลอรี่  270
กล้วยแขก 5 ชิ้น มีแคลอรี่ 253
บะหมี่สำเร็จรูป 1 ถ้วย มีแคลอรี่ 237
เฟรนซ์ฟราย 10 ชิ้น มีแคลอรี่ 220
พิซซ่าสุพรีมแป้งหนา 1 ชิ้น มีแคลอรี่ 210
สาคูไส้หมู  6 ชิ้น มีแคลอรี่ 168
กุยช่าย 3 ชิ้น มีแคลอรี่ 159
เบคอน 3 ชิ้น มีแคลอรี่ 105
ปาท่องโก๋ 1 ชิ้น มีแคลอรี่ 100



ผลไม้

กล้วยหอม 1 ลูก มีแคลอรี่  120
กล้วยน้ำว้า 1 ลูก มีแคลอรี่  100
ชมพู่  6 ผล มีแคลอรี่  100
ทุเรียน 1 เม็ด มีแคลอรี่  80
มะม่วงดิบ/สุก 1 ผล มีแคลอรี่  80
สัปปะรด 1 ชิ้น มีแคลอรี่  80
ส้มเขียวหวาน 1 ผล มีแคลอรี่  40
องุ่น 8-10 ผล มีแคลอรี่  40
แอปเปิ้ล 1 ผล มีแคลอรี่  40
เงาะ 1 ผล มีแคลอรี่  10


Credit  :  กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

มาดูซิว่า..อาหารจานโปรดแคลอรี่เท่าไหร่

ค่าพลังงานในอาหารจานโปรด (เรียงปริมาณมากไปหาน้อย/ค่าโดยประมาณ)

ผัดซีอิ๊วหมู 1 จาน  แคลอรี่  679
ข้าวคลุกกะปิ 1 จาน  แคลอรี่  610
ข้าวมันไก่ 1 จาน  แคลอรี่  600
หมี่กรอบ 1 จาน  แคลอรี่  575
ผัดไทย 1 จาน  แคลอรี่  570
หอยทอด 1 จาน  แคลอรี่  570
ก๋วยเตี๋ยวผัดขี้เมา 1 จาน  แคลอรี่  560
ข้าวผัดกระเพราะ 1 จาน  แคลอรี่  550
ข้าวผัดหมูใส่ไข่ 1 จาน  แคลอรี่  550
ข้าวหมูแดง 1 จาน  แคลอรี่  540
เส้นเล็กแห้งหมู  1 ชาม  แคลอรี่  530
ข้าวราดแกงเขียวหวาน 1 จาน  แคลอรี่  480
ข้าวขาหมู 1 จาน  แคลอรี่  430
ข้าวหน้าเป็ดย่าง 1 จาน  แคลอรี่  420
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู 1 จาน  แคลอรี่  400
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าไก่ 1 จาน  แคลอรี่  380
เส้นใหญ่น้ำเย็นตาโฟ 1 ชาม  แคลอรี่  350
ก๋วยเตี๋ยวเป็ด 1 ชาม  แคลอรี่  330
ขนมจีนน้ำยา 1 จาน  แคลอรี่  330
ขนมจีนน้ำเงี้ยว 1 จาน  แคลอรี่  240
กระเพาะปลา 1 ชาม  แคลอรี่  240
ก๋วยจั๊บ 1 ชาม  แคลอรี่  230
เส้นหมี่ลูกชิ้นเนื้อสด 1 ชาม  แคลอรี่  230
สุกี้น้ำ 1 ชาม  แคลอรี่  221




อ้างอิง : กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

ต้นขาสวย ก้นกระชับ กับท่าบริหาร


การบริหารต้นขา

ท่าที่ 1 ย่อเข่ากว้าง

ยืนแยกเท้าห่างกว่าความกว้างของช่วงไหล่หน่อย นิ้วเท้าชี้ออก วางดัมเบลล์หนัก
1-2 กิโลกรัมไว้ที่บ่าทั้งสองข้าง หลังตรง แขม่วพุง และตามองตรง ค่อยๆยอ่ลงจนต้นขาเกือบขนานกับพื้น (อย่างอเขาจนปลายเข่าล้ำเกินนิ้วเท้า) ค้างไว้สองวินาทีแล้วกลับสู่ท่าเริ่ม ทำสองเซ็ทๆละ 10-12 ครั้ง




ท่าที่ 2 ก้าวยาวๆ
ยืนแยกขาให้ขาขวาอยู่หน้า ห่างจาขาซ้ายประมาณ 30-35 เซนติเมตร ถือดัมเบลล์หนัก 1-2 กิโลกรัมในมือทั้งสองข้าง แขนเหยียดตรงอยู่ข้างลำตัว หลังตรง แขม่วพุง และตามองไปข้างหน้า ค่อยๆย่อขาลงจนเข่าซ้ายเกือบแตะพื้น ค้างไว้สองวินาที และกลับสู่ท่าเริ่ม ทำซ้ำ 10-12 ครั้งแล้วสลับขา

ท่าที่ 3 งอขา
คลานสี่ขา วางข้อศอกราบไปกับพื้น ยกขาขวาขึ้นและเหยียดกลางอากาศ จนขนานกับพื้นแล้วขยับสะโพก แขม่วพุง และตามองตรงไปข้างหน้า ค่อยๆงอเท้ามาทางก้น ค้างไว้สองวินาทีแล้วเหยียด ทำ 10-12 ครั้งแล้วสลับข้างทำ




ท่าบริหารก้น


ยืนแยกขาห่างเท่าความกว้างของช่วงสะโพก นิ้วเท้าชี้ไปข้างหน้า วางมือไว้ที่สะโพก
1. ขณะหายใจออก ค่อยๆงอเข่าให้มากที่สุด แต่อย่าต่ำเกิน 90 องศา ส่วนต้นขาขนานกับพื้น เหยียดแขนไปข้างหน้า
2. คุณควรทิ้งน้ำหนักลงที่ส้นเท้า และก็สามารถขยับนิ้วเท้าได้สะดวก แขม่วพุง หย่อนก้นลงหลังจะได้ไม่ตึง ค้างไว้ 30 วินาที ขณะหายใจออก แล้วดันตัวขึ้นสู่ท่าเริ่มตอนหายใจเข้า จากนั้นก็พักทำวันละห้าครั้ง แล้วจะเห็นผลภายในหนึ่งเดือน
tips ::
การว่ายน้ำช่วยกระชับสะโพกโดยเฉพาะการเตะน้ำขณะเกาะกระดานช่วยพยุงตัว เหยียดขาออกไปข้างหลังตรงๆและตีน้ำขึ้นลงในท่ากรรเชียง 20 นาที



Credit : www.pooyingnaka.com

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ตัวอย่างที่ 1 : เมนูอาหารแคลอรี่ต่ำ



อาหารแคลอรี่ต่ำ อีกเคล็ดลับหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนัก
วันที่ 1
อาหารเช้า........ฝรั่ง กล้วยน้ำว้า โยเกิร์ต
เครื่องดื่ม.........น้ำมะละกอปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อยผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารกลางวัน........ข้าวต้มปลากับหน่อไม้ฝรั่งสีเขียว
น้ำผลไม้..........ปั่นมะละกอครึ่งผลกับน้ำส้มคั้น 50 มิลลิกรัมและโยเกิร์ต 100 กรัม
อาหารเย็น..........ก๋วยเตี๋ยวไก่
วันที่ 2
อาหารเช้า..........ไข่เจียวใส่หอมซอย ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้........กล้วยน้ำว้า 1 ผล และสับปะรด 1 ชิ้น
อาหารกลางวัน.........แกงจืดวุ้นเส้น ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
เครื่องดื่ม...........น้ำมะละกอปั่นผสมน้ำส้มและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น...........แกงเผ็ดเนื้อ ข้าวซ้อมมือ 1
วันที่ 3
อาหารเช้า.........กล้วย มะละกอ และโยเกิร์ต
ผลไม้......สับปะรด
อาหารกลางวัน........ต้มยำกุ้ง ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้......กล้วย 1 ผล
อาหารเย็น..........ผัดผักรวมมิตร ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
วันที่ 4
อาหารเช้า.....ไข่เจียวกับพริกหวาน (ไข่หนึ่งฟอง) ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้.....ฝรั่งและกล้วยน้ำว้าอย่างละ 1 ผล
อาหารกลางวัน........ข้าวต้มหมู
เครื่องดื่ม.....น้ำมะละกอปั่นผสมน้ำส้มและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น.........ผัดผักเปรี้ยวหวานกุ้ง ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
วันที่ 5
อาหารเช้า......กล้วยน้ำว้า มะละกอ และโยเกิร์ต
เครื่องดื่ม.......น้ำฝรั่ง 1 แก้ว
อาหารกลางวัน..........แกงจืดวุ้นเส้นใส่ผัก ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้..........มะม่วง 1 ผล
อาหารเย็น..........แกงเผ็ดไก่ ข้าวซ้อมมือ 1
วันที่ 6
อาหารเช้า........ไข่เจียวกับมะเขือเทศ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้......สับปะรด ฝรั่ง
อาหารกลางวัน............ข้าวต้มกุ้ง
เครื่องดื่ม........น้ำมะม่วงปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น..........ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว
นที่ 7
อาหารเช้า......สับปะรด กล้วยน้ำว้า และโยเกิร์ต
เครื่องดื่ม...น้ำมะม่วงปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารกลางวัน.........แกงป่าไก่ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
เครื่องดื่ม......น้ำสับปะรดปั่น
อาหารเย็น.......ผัดผักใส่เต้าหู้ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี


เคล็ดลับเด็ด"กินอย่างไรไม่ให้อ้วน"



ทานวิตามินดีกว่าแคลอรี่
อาหารที่มีรสชาติหลากหลายเช่น รสเผ็ด หวาน เค็มและรสกลางๆ จะช่วยหยุดยั้งความหิวได้ดี คนเอเชียวทั่วไปแทบจะไม่ทานผลิตภัณฑ์จากนม ในขณะที่ชาวยุโรปทานเนย แต่ชาวเอเชียใช้น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันงาในการปรุงอาหาร จึงแทบไม่ได้ไขมันจากสัตว์ซึ่งมีกรดไขมันอิ่มตัวและส่งผลไปถึงสุขภาพที่ย่ำแย่ด้วย นอกจากนี้เทคนิคในการทำอาหารก็สำคัญ อาหารเอเชียมักใช้นึ่งหรือผัดในกระทะซึ่งใช้น้ำมันไม่มาก ผัดผักก็ใช้ระยะเวลาสั้นๆช่วยให้ผักกรอบและทรงคุณค่าวิตามินต่างๆและนิยมทานปลาซึ่งมีโปรตีนสูงและกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย การทานเป็ดไก่จะได้ไขมันน้อยกว่าทานหมูเนื้อแดง และทานผลไม้ก็ตามฤดูกาลแทนขนมหวานๆ

เครื่องเทศขจัดไขมัน
ขิง กระเทียม พริกและข่า ช่วยกระตุ้นให้ระบบหมุนเวียนโลหิตเป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะขิงและพริกจะช่วยย่อยอาหารและช่วยละลายไขมัน และอย่าลืมเติมเครื่องเทศอื่นด้วย เช่น ตะไคร้ (ช่วยให้มีชีวิตชีวา) สะระแหน่ (ช่วยลดความปั่นป่วนในกระเพาะอาหาร) ผักชี (ช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล)

ผักสด
ผักยิ่งสดเท่าไหร่ย่อมดีเท่านั้น หากซื้อผักมาเก็บไว้ภายใน 3 วัน วิตามินซีที่อยู่ในผักจะลดคุณค่าถึง 70% นอกจากผักจะมีวิตามินมากมายแล้ว ยังมีเอนไซม์ด้วย ส่วนผักอื่นๆที่มีสารอาหารที่จำเป็น เช่น มะเขือเทศ ต้นหอม มีแคลอรีน้อยมาก

โปรตีนจากถั่ว
อาหารที่ทำมาจากถั่วเหลืองเช่น เต้าหู้ มิโซะ ฯลฯ เป็นที่นิยมในประเทศแถบเอเชียซึ่งผู้คนนิยมรับประทานแทนเนื้อสัตว์ เพราะถั่วเหลืองช่วยยับยั้งมะเร็ง มีโปรตีน วิตามินบี แมกนีเซียม แคลเซียม และยังมี "isoflavone" ซึ่งให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผิวและร่างกาย นอกจานี้ยังช่วยให้รูปร่างสะโอดสะองอีกด้วย เพราะมีกากใยที่ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลและทำให้อิ่มนาน

สาหร่าย
สาหร่ายเป็นอาหารที่มักนำมาขึ้นโต๊ะของชาวญี่ปุ่นทุกวัน เช่น ข้าวห่อสาหร่าย ประโยชน์ของสาหร่ายคือ ช่วยรักษาระดับน้ำในร่างกาย ทำความสะอาดระบบน้ำเหลือง และมีแคลอรี่ต่ำ (ประมาณ 35 กิโลแคลอรี/ 100 กรัม) ให้กากใยอาหารมากและให้สารอาหาร เช่น ไอโอดีน เหล็ก และแมกนีเซียม

สุขด้วยข้าว
"หากอยากมีความสุขสักหนึ่งชั่วโมงให้คุณดื่ม หากอยากมีความสุข 3 วันให้แต่งงาน อยากมีความสุขตลอดชีพให้ทานข้าว" เป็นสุภาษิตของกุ๊กสาวชาวเกาหลี เพราะข้าวจะช่วยขจัดน้ำออกจากร่างกาย ทำให้รูปร่างงดงาม (หากทานอย่างพอดี) แถมยังย่อยง่ายอีกด้วย

กระชุ่มกระชวยด้วยชาเขียว
ดื่มชาเขียววันละหนึ่งถ้วยดีกว่าดื่มมากว่าสองหรือสามถ้วย เพราะชาเขียวจะป้องกันไม่ให้มีน้ำขังอยู่ในร่างกาย มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ฟลาโวนอยด์ซึ่งปกป้องหัวใจและผิวหนัง นอกจากนี้นักวิชาการชาวญี่ปุ่นยังบอกว่า ชาเขียวยังทำให้คนขยันขึ้นอีก 25


วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

12 อาทิตย์ พิชิตความอ้วน

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณอรนภา กฤษฎี (ม้า)ค่ะ

ให้เวลากับตัวเองในเวลา 3 เดือน ตามตารางที่ดิฉัน กำหนดให้คุณ รับรองว่าเห็นผลแน่ ในการมีรูปร่าง หน้าตาที่สวยกว่าเดิม แต่ขอย้ำนะคะว่าคุณจะต้อง ซื่อตรง ต่อตารางที่ ดิฉันกำหนดให้ ดิฉันจะกำหนดตารางเป็น 4 อาทิตย์ต่อเดือน ทั้งหมดก็จะเป็น 12 อาทิตย์ ในแต่ละอาทิตย์จะมีกิจกรรม ให้คุณทำครบ ถ้วน กระบวนความเป็นการดูแลตัวเองล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การดูแลผิวพรรณ การออกกำลังกายไปจนถึงการเสริมความงามให้กับตัวเอง

ขอบอกไว้ก่อนว่า ไม่ยากหรอกค่ะ เพียงแต่คุณต้องจัดระเบียบให้กับตัวเอง มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่อีลุ่ยฉุยแฉก ปล่อยชีวิตให้กระจัดกระจายไปตามอารมณ์ ไร้ระเบียบแบบแผน พร้อมหรือยังคะ ที่จะทำตัวให้สวยภายในเวลา 3 เดือน ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มอ่านตารางที่ดิฉันจัดให้ ขอให้ละเอียดหน่อยนะคะในการอ่าน และพึงปฏิบัติ
อาทิตย์ที่ 1
1. เปลี่ยนนิสัยตัวเองให้ดื่มน้ำมากๆวันละ 8-10 แก้ว
2. หันมารับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เป็นพวกโยเกิร์ตหรือนมที่มีแคลลอรี่ต่ำก็ได้ มีการจำกัด หารับประทานเนื้อดิบที่มีไขมันสูง เลือกรับประทานเฉพาะปลา หรือเป็ดไก่ที่ไร้หนัง เนยก็รับประทานได้ แต่ต้อง Low-Fat นะคะ และทั้งหมด ควรรับประทานพอประมาณ
3. เริ่มที่จะขัดผิวกายของคุณก่อนการอาบน้ำเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยให้มีการระบาย น้ำเหลืองให้หมุนเวียนไปตาม โครงสร้างของผิวทำให้ ทั่วร่าง เริ่มจากเท้าและฝ่าเท้าของคุณ ไปจบตรงแผ่นหลัง ให้แน่ใจเสมอว่า ทั่วถึงทั้งเรือนร่างทุกครั้งที่ทำ
4. เริ่มว่ายน้ำอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 20 นาที อย่างต่อเนื่อง
อาทิตย์ที่ 2
1. รับประทานผลไม้ให้มากขึ้น รับประทานผลไม้สดวันละ 2-4 มื้อ จะรับประทานเป็นผลหรือคั้นน้ำก็ได้ จำพวกผลไม้ผลเล็กๆ หรือองุ่นให้ได้จำนวนปริมาณน้ำ 2 ช้อนโต๊ะใหญ่ต่อวัน
2. เริ่มหัดเดินให้ไกลๆบ้าง อย่างเวลาคุณไปทำงาน ถ้าระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานไกลเกิน ก็ให้นั่งรถครึ่งเดินครึ่ง แต่ต้องเดินในที่ที่สบายเพื่อการผ่อนคลาย มิฉะนั้นก็มีทางเลือกอย่างอื่น คือเดินสัก 20 นาทีหลังมื้อเที่ยง ทำเช่นนี้สัก 3 วัน ใน 1 อาทิตย์ และทุกครั้งควรเดินอย่างคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง
3. นัดช่างผมกรรไกรทองสำหรับ การเปลี่ยนทรงผมใหม่ หรือจะเล็มผมที่ยาวแล้วก็ได้ และตั้งใจไว้เลยว่าคุณต้องทำเช่นนี้ทุกๆ 3 เดือน
4. เคลียร์ตู้กับข้าวของคุณซะใหม่ ให้ทิ้งสิ่งต่างๆ ที่เป็นส่วนของการเพิ่มไขมัน ให้มีแผนการสำหรับการกินอาหารเพื่อสุขภาพเท่านั้น อย่างเช่น เนื้อปลาทะเลชิ้นบางๆ น้ำ หรือน้ำมันมะกอก ถ้าเป็นไปได้ ในตู้กับข้าว ตู้ใหม่ของคุณจะต้องมีอาหารหรือเครื่องดื่ม ที่มีปริมาณ น้ำตาลต่ำ หรือไร้น้ำตาลไปเลย
อาทิตย์ที่ 3
1. เริ่มดูแลผิวพรรณ โดยการเข้าร้านเสริมสวยซะ โดยกรรมวิธีที่จะทำให้ผิวพรรณ คุณ ดูนุ่มนวลดุจธรรมชาติ อย่างเช่นเอาพืชทะเล มาพันร่าง เพื่อทำให้ผอม พร้อมกับ ครีมที่มีกลิ่นหอมมานวดร่างคุณ หรือไม่ก็ขัด ผิวคุณด้วยพืชพรรณตามธรรมชาติ ผิวคุณก็จะดูผุดผ่องขึ้นมาทันตา
2. อาทิตย์นี้ก็อย่าลืมให้เวลากับการเดิน อาจจะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ตามสวนสาธารณะ หรือออกไปนอกเมืองไกลๆ แล้วใช้การเดินระยะยาว
3. ตรวจดูการรับประทานคาร์โบไฮเดรตจำพวกแป้ง อย่างขนมปัง ธัญพืชหรือผลไม้อย่างมะเขือเทศ คุณควรที่จะควบคุมการรับประทานอาหารอย่างตั้งใจวันละ 6-8 มื้อ ขนมปังหั่นแผ่นบางๆสักชิ้น จะปิ้งหรือไม่ก็ได้ พวกธัญพืชสัก 3 ช้อนโต๊ะ ข้าวสัก 1 ช้อนโต๊ะ เส้นก๋วยเตี๋ยว หรือเส้น พาสต้า พร้อมใส่ไข่สัก 2 ฟอง กำลังดี พยายามเลือก ข้าวซ้อมมือ ขนมปัง หรืออาหารจำพวกเส้นที่มีคุณภาพ ควรรับประทานเป็น อาหารบำรุง หรืออาหารเสริม เพื่อให้ร่างกาย มีพลังงานใช้อย่างเต็มที่
อาทิตย์ที่ 4
1. ทำการบริหารหน้าท้อง เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับ โดยใช้วิธีง่ายๆแต่ทำเป็นประจำตลอดอาทิตย์ ดังนี้..
a.. เริ่มด้วยการนอนราบไปบนแผ่นยางหนาสักหน่อย เพื่อกัน กระดูก ทิ่มพื้นชันเข่าขึ้น ให้เท้าราบไปกับพื้น มือประสาน กันไว้ที่ท้ายทอยแล้วยกส่วนก้นขึ้นเนื้อพื้นพอประมาณ พร้อมทั้งกดเกร็งหน้าท้อง แล้วหายใจออกอย่างช้าๆ โดยหลังยัง ติดกับพื้นอยู่ หลังจากนั้นก็ค่อยๆวางลงแล้วหายใจเข้าเป็น การผ่อนคลาย
b. ยังอยู่ในท่าเดิม แต่มือประสารกันไว้ที่ท้ายทอยเพื่อ พยุงคอ เอาไว้ยกลำตัวขึ้น กดหน้าท้อง โดยการเกร็ง แล้วหายใจ ออกช้าๆ วางตัวนอนดังเดิมพร้อมหายใจเข้า ท่านี้เขาเรียกว่า sit up

c. ในท่าเดียวกัน ยืดขาขวาให้ตรงกับลำตัว ในขณะที่ขาซ้ายยังชัน เข่าอยู่แล้วงอเข่าขวามาที่หน้าอก พร้อมยกลำตัวขึ้นบิด ไปทาง ขวาโดยให้ข้อศอกซ้ายแตะเข่าขวา เกร็งหน้าท้องไว้ อย่าลืม หายใจ ออกด้วย ทำสัก10-15 ครั้ง แล้วเปลี่ยนกลับไปทำอีกข้าง
2. ตรวจดูการดื่มแอลกอฮอล์ของคุณว่าอย่ามีมากกว่า 15 หน่วยต่ออาทิตย์เพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกผู้หญิงอย่างเรา 1 หน่วยเท่ากับไวน์ 1 แก้วหรือเบียร์ครึ่งเหยือก แค่นี้กำลังงามค่ะ ภายใน 1 อาทิตย์
3. เลิกล้มความฝันสำหรับชุดว่ายน้ำหรือบิกินี่ คุณจะดูวิเศษที่สุดก็ต้องหลังสองเดือนไปแล้ว

อาทิตย์ที่ 5
1. เริ่มดื่มน้ำที่คั้นมาจากพืชชนิดที่มีใบ อย่างเช่นน้ำยี่หร่าผสมน้ำเพื่อทำการกระตุ้นระบบการย่อยอาหารของคุณ จะดื่มหลังจากอาหารค่ำ ก็ได้(ไม่ควรดื่มขณะตั้งครรภ์) ดื่มชาผลไม้ เพื่อทำให้การหมุนเวียน ของเลือดดีขึ้น การทำงานของไตก็จะดีขึ้นไปด้วย การดื่ม มิ้นต์ (peppermint) จะช่วยในเรื่องระบบการย่อยอาหารเช่นกัน
2. อาทิตย์นี้เดินให้มากขึ้นสัก 20-30 นาที ตลอดอาทิตย์ เพิ่มระยะทางและความเร็วในการเดินให้มากขึ้นด้วย ก้าวแต่ละก้าวควรให้นุ่มนวล และเยือกเย็น เรียกว่า "มีสมาธิในการเดิน"
3. รับประทานผัก 3-5 มื้อต่อวัน เป็นผักรวมจานเล็กๆ ถ้าเป็นไปได้ควรเป็นผักสด
วิธีทำสลัด (วิธีทำสลัดสไตล์คุณม้า)
หอมใหญ่ 1 หัว (ขาวหรือแดงก็ได้) ผัดขม ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง 1 กำ ( ล้างและลอกเปลือกอย่างสะอาด) นำผักมาล้าง หั่นหอมใหญ่เป็นแว่นๆ แล้วตกแต่งให้สวยงามด้วยหน่อไม้ฝรั่งกับผักชีฝรั่ง
น้ำสลัด อย่างง่ายๆ
1 ช้อนโต๊ะสำหรับน้ำผึ้ง
1-2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว
พริกไทยป่น นิดหน่อย พริกหยวก บดละเอียด ผสมให้เข้ากัน แล้วราดลงบนผักสลัด ที่จัดเตรียม ไว้ รับรองอร่อยแน่
อาทิตย์ที่ 6
1. ต่อสู่เซลส์ผิวหนังด้วยการนวดตัวทุกวัน อันนี้เข้สถานบริการนวดตัวจะดีที่สุด อย่านวดด้วยตัวเองเลยค่ะ ลำบาก
2. ยังคงออกกำลังกายอยู่นะคะ และอย่าลืมยกน้ำหนักด้วยเวทข้างประมาณ 1-2 กิโล สองวันต่ออาทิตย์ บริหารหน้าท้องยังคงต้องทำอยู่สม่ำเสมอ นอนราบชันเข่ามือถือที่ยกนำหนักเอาไว้ ยกลำตัวขึ้น พร้อมกับยก น้ำหนักไว้ด้านหน้าให้สุดแขนและเมื่อเอาตัววางนอนลง ให้ค่อยๆวาง แขนลงช้าๆเหนือศรีษะ ทำสัก 8-15 ครั้งอาทิตย์ที่ 6 แล้ว คงต้องทำให้มัน หนักหน่อย คิดว่าคุณๆก็คงจะชินแล้วในการซิทอัพ  ยืนตัวตรง ยื่นขาขวาไปข้างหน้าพร้อมงอเข่า ยกน้ำหนักขึ้นโดยการ งอข้อศอกแล้วย่อตัวลง เก็บขากลับมา ยืนไว้ในท่าแรก จากนั้นสลับมาทำเหมือนเดิมกับขาข้างซ้ายบ้าง ท่านี้จะได้ทั้งกล้ามเนื้อขนด้านหน้า และขา  ท่าลดต้นแขน ยืนตัวตรง มือทั้งสองข้างถือที่ยกน้ำหนักไว้ แล้วยกขึ้นเหนือศรีษะค่อยๆวางลงไปด้านหลังศรีษะ โดยให้ข้อศอก ชิดใบหูทั้ง สองข้าง ยกขึ้น ยกลงกล้ามเนื้อบริเวณแขนด้านในจะกระชับ ไม่หย่อน ยาน
3. อาจจะเต้นแอโรบิกหรืออกกำลังกายตามส่วนต่างๆของร่างกาย ตามวิดีโอ การบริหารร่างกายก็ได้นะคะ เลือกอันที่ดีๆหน่อยหรือไม่เช่นนั้น ก็ไปเต้น ตามสถานบริหารร่างกาย ดิฉันว่าจะสนุกกว่า
4. เข้าเซาน่าหรือห้องอบไอน้ำ หลังจากนั้นก็นวดตัวซะด้วยเลย คุณๆลองทำ ตาม ตารางที่ดิฉันกำหนดให้ภายใน 6 อาทิตย์ดูสิคะ ว่าร่างกายคุณเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขนาดไหน แต่การทำตามตารางต้องซื่อสัตย์ ต่อตัวเอง นะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน การออกำลังกาย การดูแลผิวพรรณ รวมไปถึงทั้งตัวตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ตามที่ได้บอกไว้ข้างต้น รับรองว่า เห็นผลแน่
อาทิตย์ที่ 7
1. ออกกำลังกายอย่างมุมานะด้วยเครื่องมือการออกกำลังกาย เช่น การถีบจักรยานอยู่กับที่สม่ำเสมอ การเดินในระยะทางไกลๆ หรือการเต้นแอโรบิก
2. จัดเตรียมนำผลไม้และน้ำผักสดไว้ดื่ม พร้อมกับการกินวิตามิน ผู้เชี่ยวชาญของโลกเขาบอกว่า การลดน้ำหนักที่ดีที่จะให้เห็นผลถึง 70 เปอร์เซนต์นั้นก็คือ การดื่มน้ำผลไม่หรือน้ำผักสด เพราะจะทำให้ย่อยง่าย และดูดซึมภายในเวลาเพียงแค่ 10-15 นาที ควรดื่มเป็นประจำทุกวัน วันละ 1 แก้ว ถ้าเยื่อก็ลองน้ำแอปเปิ้ล น้ำกล้วย น้ำมะละกอ และน้ำลูกพรุน หรือจะทำเป็นผลไม้รวมแบบค๊อกเทลอย่างองุ่น(เป็นลูก) มะละกอ (เป็นชิ้น) แอปเปิ้ล แครนเบอร์รี่ แล้วใส่น้ำส้มกับน้ำมะนาว ลงไป ก็จะทำให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น สำหรับน้ำผักสด ผสมกันระหว่าง แครอท หัวผักกาดแดง
และแตงกวา หรือขึ้นฉ่าย ผักกาดหอม และผักโขม
3. ออกกำลังกายในน้ำ โดยการยืนอยู่ในน้ำ หันหน้าเข้าขอบสระ เอามือจับขอบสระไว้ แล้วเตะขาไปข้างหลังสัก 30 วินาที แล้วเปลี่ยนอีกขาหนึ่งทำเช่นนี้สัก 10 ครั้งต่อข้าง เดินในน้ำสัก 3 นาที จากด้านหนึ่งของขอบสระไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเหสี่ยงแขนไปด้วยพร้อมๆกัน
อาทิตย์ที่ 8
1. ถึงเวลาของการปรับปรุงการวางท่าทาง โดยปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทาง ด้านการออกกำลังกาย ในหนึ่งครั้งต่อวัน ยืนกางขาเล็กน้อย งอเข่าพอ ประมาณ แผ่นหลังตรง น้ำหนักอยู่ที่ส้นเท้า ทั้งสองข้าง หายใจออกและยืดส่วนท้องบริเวณสะดือและส่วนของกระดูกสันหลังขึ้น แขม่วส่วนกระดูกเชิงกรานเข้า แล้วเก็บก้น โดยให้รู้สึกว่า สองแก้มก้น ชิดสนิท แนบแน่น หายใจออกยาวๆ ทำเช่นนี้หลายๆครั้งเพื่อบริหาร กล้ามเนื้อ บริเวณ ท้องและก้น หายใจเข้า ออกในขณะ ที่คุณหมุนหัวไหล่เป็น รูปวงกลม และประสานมือยืดแขนขึ้นเหนือศรีษะ เป็นการยืดกล้าม เนื้อส่วนหลังทั้งหมดหลังจากนั้นก็ยืนตรงสบายๆ เป็นการผ่อนคลาย กล้ามเนื้อ บริเวณก้นสัก 30 วินาที แล้วเริ่มทำใหม่
2. เอกเซอร์ไซด์ระบบหายใจด้วยการยืนตรงหรือนั่งเอานิ้วมือทั้งสองกดเข้าหากันให้อยู่ระดับจมูก หายใจออกช้าๆ พร้อมกับกดนิ้วมือเข้าหากันอย่างแน่น ทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วหายใจออก พร้อม ผ่อนคลาย จึงกลับมาทำใหม่สัก 10 ครั้ง
อาทิตย์ที่ 9
1. การเหยียบ step up เป็นกิจวัตรประจำวัน โดยถือที่ยกน้ำหนักด้วย สัก 21 ปอนด์ เริ่มต้นด้วยการก้าวยาวๆ ก้าวขาขวาขึ้นสเต็ป เหยียดแขนซ้ายออกไปข้างหน้า แขนขวาวงไว้ขางลำตัวแล้วสลับข้าง ทำอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยๆช้าลง
2. ตรวจดูการรับประทานโปรตีนของคุณ ควรให้มีอาหารประเภทเนื้อวัว เนื้อเป็ด เนื้อไก่ ถั่วแห้ง ไข่ และถั่วลิสง 2-3 ชนิด ต่อวัน เนื้อหรือไก่ไร ้หนัง 2-3 ออนซ์ ปลาเนื้อขาว ไม่ทอด 4-5 ออนซ์ ไข่ 2 ฟอง สุกปานกลาง เนย 11/2 ออนซ์
3. การรักษาด้วยกระแสน้ำ ในการอาบน้ำของแต่ละวัน ให้น้ำอุ่นกรทบ ตัวโดยเร็ว แล้วเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นสัก 20 วินาที กลับไปเป็นน้ำอุ่นอีกสัก 1-2 นาที จบด้วยการอาบน้ำเย็น เริ่มให้น้ำฉีดไปบนบริเวณหน้า เรื่อง ลงไปยังบริเวณแขนและขา รวมทั้งบริเวณหน้าอกและท้อง จบด้วย ส่วนหลัง ของคุณเพื่อเป็นการนวดตัวด้วยกระแสน้ำ แล้วเช็ดตัว ให้แห้ง ก่อนคลานขึ้นเตียง นอนพักสัก 20 นาที เป็นการพักฟื้น
อาทิตย์ที่ 10
1. ปรับปรุงการออกกำลังกายของคุณให้ดีขึ้น โดยำสม่ำเสมอทุกวัน เป็นประจำแยกเท้าออกจากกันให้กว้างพอประมาณ โดยยืนอยู่ด้าน หลังก้าวอี้ มือขวาจับพนักเก้าอี้ไว้เป็นการพยุงตัว ใช้มือซ้ายแตะไว้ ตรงต้นคอ งอข้อศอกให้อยู่ระดับหลัง เอียงตัวไปทางซ้ายพร้อมงอเข่า บิดตัวลงให้
ข้อศอกแตะเข่าด้านหน้า แล้วกลับมายืนในท่าเดิม เริ่มทำใหม่ แต่ตอนนี้บิดและเอียงตัวลงให้ข้อศอกแตะเข่าขวาด้านหน้า จึงกลับไป ทำอีกข้าง ทำข้างละ 20 ครั้งเป็นการบริหารเอว
2. อาทิตย์นี้ลงมือทำเล็บมือและเล็บเท้า พร้อมทั้งแต้มสีสันลงไปบนเล็บซะให้สวยบาดใจไปเลย
3. ขัดตัวด้วยเกลือ โดยเอาเกลือทะเลผสมกับน้ำมันโอลีฟนวด ไปบนตัวที่ยังชื้นอยู่แล้วค่อยล้างออก
อาทิตย์ที่ 11
1. สำหรับสุขภาพผิวที่เปล่งปลั่งหลังจากที่เราได้ทะนุบำรุงดูแล มาจนถึงอาทิตย์ นี้แล้ว เรามาเริ่มแต่งหน้ากันสักหน่อย จะดีกว่า ใช้รองพื้นสีที่เป็นธรรมชาติ เข้ากับสีผิว หรือจะใช้สีแทนสักหน่อยก็ได้ แต่ถ้าไม่ชอบสีแทนก็ให้ใช้ สีขาวกว่าผิวก็ได้เช่นกัน เพื่อเพิ่มความผุดผ่อง เป็นยองใย
2. บางครั้งอาจจะทดลองแต่งให้เข้ากับฤดูร้อน สิ่งจำเป็นที่สุดตัวครีมรองพื้น ควรจะมีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ผสมอยู่ให้มากหน่อยเพื่อทำให้ผิวคุณดู สดใส ปัดแก้มเบาๆ ปัดมาสคารา ทาลิปมันและลิปสติกสีอ่อนๆให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด คุณก็จะดูเป็นคนสวยที่มีสุขภาพดี
3. ควรจะเล่นกีฬานะคะ อาจะไปเรียนตีเทนนิส หรือไปร่วมเล่นซอฟท์บอลกับเขาในสวนสาธารณะก็ได้
อาทิตย์ที่ 12
1. จัดเตรียมชุดว่ายน้ำ จะวันพีซหรือทูพีซก็ได้แล้วแต่ตามใจชอบ แต่อย่าลืมแว็กซ์ขนบริเวณขอบบิกินี่ด้วยล่ะ ตามร้านเสริมสวยเขาก็มีบริการ
2. ปกป้องแสดงแดดด้วยครีมกันแดด ใช้ครีมที่มีสาร SPF คุณสามารถมี ผิวสีแทนได้ แต่อย่าไหม้ ที่จริงแล้วก็มีครีมหลายตัวสำหรับกันแดด คุณเลือกหาเอาเองก็แล้วกัน
3. สวยเห็นผล เอาละค่ะ ถ้าคุณทำครบตามตารางที่ว่าไว้ภายในสามเดือนแล้ว ไม่เห็นผล  ดิฉัน(คุณม้า อรนภา) ยินดีคืนเงินให้ทันที แต่ถ้าได้ผลช่วยบอกดิฉันด้วยนะคะจะยินดีเป็นที่สุด


วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จะป้องกันเซลลูไลท์อย่างไร


เซลลูไลท์มักก่อตัวในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและมักมีให้เห็นตั้งแต่สาวน้อยอายุ 14 และจะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆตามอายุที่เพิ่มขึ้นและการจัดเรียงตัวใหม่ของชั้นผิวใต้ผิวหนัง เซลลูไลท์มักจะก่อร่างสร้างตัวในผู้หญิงที่มีบุตร หรือคนที่กินยาคุมกำเนิดเพราะระบบกำจัดของเสียในร่างกายไม่สามารถขจัดการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนครั้งมโหฬารได้ทั้งหมด เซลลูไลท์สามารถเติบโตหลังการบาดเจ็บสาหัสหากระบบการไหลเวียนเลือดถูกรบกวน การนั่งมากๆในชีวิตประจำวันจะทำให้เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกันด้านและหนาอันเป็นต้นเหตุแห่งผิวขนมจีนเป็นหยักๆ ลอนคลื่นไม่เรียบเนียน 

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเซลลูไลท์
 
กรรมพันธุ์  แต่ต่างจากกรรมพันธุ์ในเรื่องของเล็บหรือสีและลักษณะเส้นผม ตรงที่เราสามารถต่อกรหรือเปลี่ยนแปลงสภาพเจ้าเซลลูไลท์ได้
 
ดื่มน้ำน้อย เพราะน้ำช่วยการทำงานของระบบขับของเสีย และช่วยขับพิษออกจากร่างกาย กำหนดว่าควรดื่มน้ำแปดแก้วต่อวันเป็นอย่างน้อย
 
นิสัยบริโภคแย่ๆ แอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารรสจัด ล้วนก่อให้เกิดเซลลูไลต์ได้ทั้งสิ้น เพราะพิษที่สารดังกล่าวขับออกมาจะถูกกักอยู่ในเนื้อเยื่อไขมัน
 
การลดความอ้วนแบบผอมด่วนฮวบฮาบ จะยิ่งไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเซลลูไลท์อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากร่างกายเกิดการตอบรับว่าไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอและต้องพยายามสะสมสารอาหารในร่างกายเพื่อความอยู่รอด การสะสมอาหารและไขมันนี่เองที่ทำให้ช่วยก่อเซลลูไลต์ ไขมันเหล่านี้จะกั้นเส้นเลือดและติดหนึบอยู่ในเนื้อเยื่อจึงทำให้ระบบกำจัดสารพิษและของเสียไร้ประสิทธิภาพ
 
การสูบบุหรี่ ทำร้ายทั้งผิวทั้งปอด ทำให้ผิวอ่อนแอ เส้นเลือดฝอยหดตัว และยังทำให้เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกันถูกทำลาย อันเป็นผลให้เกิดคลื่นเซลลูไลท์
 
ความเครียด เป็นผลให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวหนัก เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกล้ามเนื้อก็ขมวดเกร็งตามไปด้วย ความตึงเครียดยังไปขวางเนื้อเยื่อไม่ให้กำจัดของเสียและล้างเลือดให้สะอาด
 
การใช้ยาลดความอ้วน ยานอนหลับ ยาขับปัสสาวะ จะเข้าไปรบกวนกระบวนการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย โดยเฉพาะระบบชำระเลือดอันนำไปสู่ปัญหาเซลลูไลท์ 
 
ยามคุมกำเนิดประเภทรับประทาน
ซึ่งไปเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนจะทำให้เซลไขมันขยายตัวและเก็บน้ำจนบวม ร่างกายก็ไม่มีน้ำพอที่จะขับของเสียออกจากร่างกาย สุดท้ายก็กลายเป็นเซลลูไลท์
 
ชีวิตที่ไม่ออกกำลังกาย และเอาแต่นั่งแปะอยู่กับที่นานๆ เซลลูไลท์จะคืบคลานมาเยือนในไม่ช้า เพราะการออกกำลังนอกจากจะทำให้สุขภาพดีแล้วยังต่อต้านผิวส้มได้อย่างได้ผล ช่วยกระชับกล้ามเนื้อ เพิ่มประสิทธภาพการไหลเวียนโลหิต ร่างกายได้ขับพิษและผลักไขมันวายร้ายให้พ้นไปจากร่างกาย

ทำสงครามกับเซลลูไลต์
การขจัดเซลลูไลต์นั้นไม่สามารถพึ่งปาฎิหาริย์ได้ ในเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุแล้วก็ขอให้หลีกเลี่ยงอย่างสุดความสามารถ การขัดผิวในสปาหรือขัดเองที่บ้าน นอกจากจะทำให้ผิวสดชื่น เนียนนุ่มเปล่งปลั่งแล้วยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตอันหมายถึงการขับพิษอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ

กุญแจสำคัญเพื่อป้องกันและต่อสู้กับเซลลูไลท์ก็คือการทำร่างกายให้ไร้พิษด้วยการออกกำลัง กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่เครียด ซึ่งจะนำไปสู่การไหลเวียนโลหิตที่พอเหมาะ

อาหารที่นิยมรับประทานเพื่อขับพิษได้แก่ ผลไม้สด ผักสด แป้งไม่ขัดขาว และอาหารเส้นใยสูง ควรเลิก กาแฟ น้ำอัดลม บุหรี่และแอลกอฮอล์ สำหรับอาหารพวกน้ำตาล แป้งขาว เกลือ เครื่องเทศและไขมันสัตว์จะไปสะสมกลายเป็นพิษ ร่างกายขับออกยาก แต่อาหารไขมันต่ำและน้ำเปล่าสะอาดๆจะช่วยขับพิษที่ติดตามเนื้อเยื่อในรูปไขมันส่วนเกินออกจากตัวเราไม่ให้เกาะเป็นคลื่นชั้นไขมัน
การนวดช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพระบบการกำจัดของเสียของร่างกายด้วยการจัดการกล้ามเนื้อเร่งการไหลเวียนโลหิตและระบบต่อมน้ำเหลืองที่ช่วยย่อยไขมัน การนวดเฉพาะส่วนในบริเวณที่ปกติการไหลเวียนเป็นไปไม่สะดวกเช่น หัวเข้าด้านในและต้นขาจะให้ผลยอดเยี่ยม ลองนวดขาตัวเองเป็นรูปวงกลม พร้อมทั้งบีบปั้นเนื้อส่วนนั้นไปพร้อมๆกัน วันละ 2-3 นาทีเพื่อละลายไขมันและกำจัดพิษ

การแปรงผิวด้วยแปรงนวดหรือถุงมือ วนรอบผิวประมาณวันละ 2-3 นาที เริ่มต้นจากเท้าขึ้นมาสู่ช่วงบนร่างกาย ควรทำทุกวันก่อนอาบน้ำ จะช่วยคืนชีวิตผิวให้ดูกระชับเรียบเนียนยิ่งขึ้น

ใช้ครีมที่มีประสิทธิภาพช่วยในการนวดและลดคลื่นไขมันและกระชับผิวได้อีก


...........................................................
credit :  http://www.pooyingnaka.com

ยาลดความอ้วนกับผลค้างเขียงที่จะเกิด


ยาลดความอ้วน

1.ยาทำให้ไม่อยากอาหาร
ยากลุ่มนี้เมื่อรับประทานแล้วจะมีผลทำให้รูสึกเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็วขึ้น ดังนั้นเมื่อร่างกายรับอาหารน้อยลง และหากพลังงานที่ได้รับจากอาหารนี้น้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายต้องการ ร่างกายจะต้องหันมาใช้ไขมันสะสมเป็นพลังงานแทน ก็เป็นผลให้น้ำหนักตัวลดลงได้ ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส บริเวณที่เป็นศูนย์ควบคุมการกินอาหารและบางชนิดยังมีฤทธิ์เพิ่มกลูโคสในกล้ามเนื้อ ผลนี้จะเปรียบเสมือนกับการออกกำลังกายเบา ๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้ร่างกายได้ใช้พลังงานมากขึ้น และยาบางชนิดยังออกฤทธิ์สลายไขมันและกรดไขมันอีกด้วย 

2.ยาขับน้ำหรือยาขับปัสสาวะ
ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ขับน้ำออกจากร่างกาย ทำให้ปัสสาวะบ่อยและปริมาณมากขึ้น จึงทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว นิยมใช้ในพวกนักมวยที่ต้องการรีดน้ำหนักให้เท่ากับพิกัดในระยะเวลาสั้น ๆ โดยมากแพทย์จะใช้ยานี้ในการักษาโรคความดันโลหิตสูง ภาวะบวมน้ำ เป็นต้นยาเหล่านี้หากใช้ในระยะเวลา อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง กระหายน้ำ คอแห้ง ปากแห้ง เนื่องจากร่างกายสูญเสียเกลือแร่และน้ำไปทางปัสสาวะ แต่ยากลุ่มนี้บางชนิดเป็นยาขับปัสสาวะที่สามารถสงวนเกลือแร่บางอย่าง โดยเฉพาะโปแตสเซียมได้ จึงทำให้อาการต่าง ๆ ที่เกิดจาการขาดเกลือแร่ลดลง

3.ยาฮอร์โมน
โดยมากมักจะเป็น ธัยรอยด์ฮอร์โมนซึ่งออกฤทธิ์ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น เมื่อพลังงานสะสมถูกใช้ไปมากขึ้น น้ำหนักก็ลดลง แต่หากใช้ยาในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการใจสั่น เหงื่อออกมาก หรือมีอาการคล้ายกับคนที่เป็นโรคต่อมธัยรอยด์เป็นพิษได้

4.ยาระบาย หรือยาถ่าย
ยากลุ่มนี้มีหลายชนิด บางชนิดออกฤทธิ์กระตุ้นลำไส้ให้บีบตัว บางชนิดก็ทำให้อุจจาระอ่อนตัว หรือเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้ถ่ายมากหรือบ่อยขึ้น ยาในกลุ่มนี้มีทั้งที่เป็นน้ำและเป็นเม็ด หลังจากรับประทานแล้วจะรู้สึกอยากถ่าย และอุจจาระจะค่อนข้างเหลว เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูก ถ่ายยาก

5.ยาลดกรด
ยาลดกรดทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวน้อยลง จึงทำให้ไม่รู้สึกหิว แต่เป็นเพียงชั่วขณะเท่านั้น ยาลดกรดจะมีสารประกอบที่เป็นอะลูมินัม(Aluminum) ซึ่งแพทย์มักจะใช้ยานี้เพื่อป้องกันหรือรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และบรรเทาอาการปวดท้อง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรับประทานยานาน ๆเช่น ท้องผูก หรือขาดสารอาหารบางอย่าง เนื่องจากยาลดกรดไปรบกวนการดูดซึมของสารอาหาร โดยเฉพาะ Fluoride และ Phosphate เป็นต้น
ยาที่ใช้ลดความอ้วนส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางโดยลดความอยากอาหาร และกระตุ้นประสาทส่วนกลางให้กระฉับกระเฉง เป็นการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น แต่ขึ้นชื่อว่าวัตถุออกฤทธิ์แล้ว หากใช้อย่างไม่เหมาะสมระมัดระวัง ย่อมนำมาซึ่งอันตรายแก่ผู้ใช้ได้
อาการข้างเคียง ที่อาจพบได้จากการใช้ยาลดความอ้วน คือ ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ และการใช้ยาเกินขนาด จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ตื่นเต้น ม่านตาขยาย ปวดศีรษะ ประสาทหลอน ในรายที่รุนแรงจะพบว่ามีไข้สูง เจ็บหน้าอก การไหลเวียนของเลือดล้มเหลง ชักโคม่า และตายได้ และถ้าใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดโรคจิตได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มของความผิดปกติทางจิตอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังอาจพบการดื้อยา และการติดยาเกิดขึ้นได้

หากจะใช้ยาเหล่านี้ ต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์ ไม่แนะนำให้สั่งซื้อบนเว็บไซต์หรือหมอตี๋

เพราะฉะนั้นการลดความอ้วนที่เหมาะสมควรใช้วิธีควบคุมอาหาร และเน้นการออกกำลังกาย นอกจาน้ำหนักลดแล้วยังมีรูปร่างที่สมส่วนแข็งแรงดีกว่าการกินยาด้วยค่ะ
.............................................................
แหล่งที่มา: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

.............................................................



ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดโปรตีน,วิตามินสูง แต่แคลอรี่ต่ำ




การลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย ลดหวาน ลดไขมัน ทานผักให้มาก จะเป็นการลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและถูกต้อง
แต่เนื่องจากการลดน้ำหนักด้วยวิธีดังกล่าว มักจะเห็นผลช้ากว่ายาลดน้ำหนัก จึงทำให้มีคนอีกส่วนหนึ่งยังนิยมใช้วิธีทานยาลดน้ำหนักเพราะเห็นผลเร็วกว่า แต่เมื่อพวกเขาใช้ไปได้ระยะหนึ่งแล้วหยุดยา จะพบว่าเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า โยโย่เอฟเฟ็กซ์ที่จะทำให้น้ำหนักดีดกลับและอ้วนกว่าเก่า หากร่างกายได้รับยาและสารเคมีที่ใช้ในการลดน้ำหนักที่มากเกิน หรือร่างกายแพ้สารดังกล่าว จึงทำให้มีข่าวการเสียชีวิตของหญิงสาวปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์
ดังนั้นการจะใช้วิธีการใดที่จะช่วยควบคุมน้ำหนัก  ต้องใช้ดุลยพินิจและการตัดสินใจอย่างรอบคอบถึงผลดีผลเสียของแต่ละวิธี 

หากจำเป็นต้องใช้วิธีการควบคุมน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแผนปัจจุบัน  ต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและอยู่ในความควบคุมของแพทย์โดยเคร่งครัดค่ะ